วิเคราะห์บอล
ฝรั่งเศส VS
เบลเยี่ยม รอบ 4 ทีมสุดท้าย บอลโลก 2018 ประเทศรัสเซีย
สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018
ประเทศรัสเซีย
กำลังเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของการค้นหาทีมที่จะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศการเป็นที่หนึ่งในระดับโลก
และการพบกันของฝรั่งเศสกับเบลเยี่ยมที่มีโอกาสพอกันทั้งสองทีมในการก้าวเข้าสู่ต่อไป
ทีมชาติฝรั่งเศส
สำหรับทัพตราไก่
ผ่านเข้าสู่รอบการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศไม่ได้ยากเย็นอะไร
สำหรับความพร้อมของทีมที่มีความกระหายชัยชนะในการเล่นครั้งนี้อย่างมาก จากความพร้อมของทีมเวิร์คที่รวมกันเป็นหนึ่ง
โดยมีนักเตะตัวหลักที่เป็นแกนนำจากสโมสรชื่อดัง อองตวน กรีซมันน์ , คีเลียน
เอ็มบัปเป้ สองนักเตะที่ติดอันดับดาวซันโวลำดับที่ 3 ทำให้ความพร้อมในเกมบุกของทีมดูดุดันยิ่งขึ้น ด้วยความโดดเด่นของทีมชาติฝรั่งเศสที่มีความเร็ว
มีเกมที่บุกหนัก คล่องแคล่ว ว่องไว พร้อมที่จะฉวยโอกาสในการทำประตูโดยเร็ว
ซึ่งทุกคนมีความต้องการครองแชมป์ฟุตบอลโลกในปีนี้ ด้วยความพร้อมในทุกตำแหน่ง
ฟอร์มการเล่นของทัพตราไก่และเบลเยี่ยมไม่ต่างกัน
ทำให้งานนี้ต้องอาศัยแทคติกจากกุนซือที่จะสามารถวางแผนแก้เกมรุกของคู่แข่งได้มาข้อเสียของทีมชาติฝรั่งเศสอาจไปตกอยู่ที่ผู้จัดการทีมมีแนวการคุมและการวางแผนที่เป็นตัวเองมากไปหน่อย
ความพร้อมของทีมฝรั่งเศสในเวลานี้อาจจะขนาด ฌิบริล ซิดิเบ้ ที่ต้องเร่งความฟิต
เพราะมีการบาดเจ็บพอสมควรและเป็นปัญหาเดียวของทัพตราไก่ รวมถึงการได้ เบลส มาตุยดิ
เพิ่งพ้นโทษแบน อาจมีโอกาสได้ลงแทน โกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ก็เป็นได้ ซึ่ง
บอสดิดิเยร์ เดอร์ช็อง อาจจะเลือกใช้เกมรับและรุกในแบบเดิม
ทีมชาติเบลเยี่ยม
ปีศาจแดงแห่งยุโรป
ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในการแข่งขัทนฟุตบอลโลกครั้งนี้
ถือว่าเป็นมาไกลกว่าความหวังที่ตั้งเอาไว้
แม้ว่าผลงานในอดีตที่ผ่านมาจะไม่เคยได้รับแชมป์โลกมาก่อน
แต่เมื่อมาถึงนักเตะในรุ่นนี้มีนักเตะหลายคนที่อยู่แนวหน้าของวงการลูกหนังในระดับสโมสรชั้นนำอย่างเช่น โรเมลู ลูกากู , เอเด็น อาซาร์ ,เอเด็น อาซาร์ , แวงซอง กอมปานี , เควิน เดอ บรอยน์ ที่พร้อมจะทำหน้าที่ในการรุกและรับการบุกของฝรั่งเศส
จากผลงานในการแข่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเป็นทีมชาติที่เจอกับทีมที่แข็งแกร่งตลอดทุกรอบ
ซึ่งเป็นการทดสอบความสามารถของเหล่านักเตะทั้งหลาย โดยเฉพาะการเอาชนะทีมชาติบราซิล
2-1 ทำให้ดับฝันแฟนบอลแซมบ้าไปในที่สุด
เมื่อต้องเจอกับทีมชาติอังกฤษถือว่าไม่ใช่งานยากอีกต่อไป
ซึ่งในเวลานี้ความพร้อมและความแข็งแกร่งของทีมถือว่าสมบูรณ์ 100% และการปะทะกับทัพตราไก่จึงไม่ใช่งานยาก ด้วยจุดเด่นของทีมเบลเยี่ยม ที่มีความสมดุลและเล่นกันเป็นทีมเวิร์คไม่ว่าจะเป็นการรุกและรับทุกคนพร้อมใจเพื่อต้องการสกอร์ให้ขึ้นนำโดยเร็ว
ทำให้ในทุกตำแหน่งของเหล่าปีศาจแดงแห่งยุโรปพร้อมต่อกรกับคู่แข่งได้ดี ในเวลานี้ทีมชาติเบลเยี่ยมจะเสียผู้เล่นอย่าง
โธมัส มิวเนอร์ ติดโทษแบนหลังจากมีใบเหลืองเป็นใบที่สองในนัดล่าสุดที่ชนะบราซิล
2-1 แต่ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เพราะคาดว่าจะมี ยานนิค เฟเรย์รา คาร์ราสโก้
หวนกลับมาเล่นในตัวจริงได้ และการจัดแผนอาจจะเลือกใช้แผนเดิมที่เขี่ยแซมบ้าตกรอบ
โดยมี ลูกากู , เดอบรอยน์ , เอเด็น อาซาร์
เป็นตัวบุกในเกมนี้ โดยมี โรเบอร์โต้ มาร์ติเนซ
ที่คอยสั่งการคุมเกมอยู่ข้างสนามเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับทีมชาติเบลเยี่ยม
ผลงานทีมชาติฝรั่งเศสล่าสุด
- วันที่ 9-6-2018 ฝรั่งเศส 1-1 อเมริกา
- วันที่ 16-6-2018 ฝรั่งเศส 2-1 ออสเตรเลีย
- วันที่ 21-6-2018 ฝรั่งเศส 1-0 เปรู
- วันที่ 26-6-2018 เดนมาร์ก 0-0 ฝรั่งเศส
- วันที่ 30-6-2018 ฝรั่งเศส 4-3 อาร์เจนติน่า
- วันที่ 6-7-2018 อุรุกวัย 0-2 ฝรั่งเศส
ผลงานทีมชาติเบลเยี่ยมล่าสุด
- วันที่ 11-6-2018 เบลเยี่ยม 4-1 ครอสตาริกา
- วันที่ 18-6-2018 เบลเยี่ยม 3-0 ปานามา
- วันที่ 23-6-2018 เบลเยี่ยม 5-2 ตูนิเซีย
- วันที่ 28-6-2018 อังกฤษ 0-1 เบลเยี่ยม
- วันที่ 2-7-2018 เบลเยี่ยม 3-2 ญี่ปุ่น
- วันที่ 6-7-2018 บราซิล 1-2 เบลเยี่ยม
ผลงานที่พบกันทั้งสองทีม
- วันที่ 7-6-2015 ฝรั่งเศส 3-4 เบลเยี่ยม
- วันที่ 14-8-2013 เบลเยี่ยม 0-0 ฝรั่งเศส
- วันที่ 15-11-2011 ฝรั่งเสส 0-0 เบลเยี่ยม
- วันที่ 18-2-2004 เบลเยี่ยม 0-2 ฝรั่งเศส
เมื่อมองถึงภาพรวมของทั้งสองทีมถือว่าเกมสูสีกันมาก
ทำให้งานนี้ต้องเล่นกันอย่างระวังเพราะโอกาสโดนสวนกลับเร็วมีสูงมาก
การครองบอลมากกว่าในเกมไม่ได้บอกถึงชัยชนะ เพราะฝรั่งเศสได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่านัดที่เอาชนะอุรุกวัย
2-0 ก็มาจากการรอจังหวะ และคาดว่าทัพตราไก่คงเลือกใช้วิธีนี้แน่นอน
หากจะเอาแรงไปปะทะกับเบลเยี่ยมโดยตรงอาจไม่คุ้มแต่ถ้ารอจังหวะจะทำให้มีสิทธิ์ลุ้นบุกขึ้นไปทำสกอร์ได้มากกว่า
สำหรับเบลเยี่ยมที่คาดว่าจะใช้แผนเดิมจากแนวรุกที่พร้อมบุกไปสร้างสกอร์
และเน้นเกมรับจากจังหวะสวนเร็ว แม้ว่าประสบการณ์ในการแข่งเวทีระดับโลกอาจไม่มากเทียบเท่ากับฝรั่งเศส
แต่เบลเยี่ยมได้ประกาศศึกครั้งนี้อย่างเต็มตัวเพื่อต้องการคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรกให้กับทีมชาติตน
เพราะถือว่าตนเองผ่านงานยากและหนักที่สุดมาแล้วทำให้ทุกคนในทีมพร้อมเดินเครื่องเต็มกำลัง